28 กรกฎาคม 2563 | โดย กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
330
อยู่ดีๆ "บราวนี่" ก็กลายเป็นขนมฮอตฮิตขึ้นมาในช่วง "กักตัว" ซะอย่างนั้น ถึงแม้ "บราวนี่" จะมีวิธีทำง่ายๆ และใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่าง แต่ประวัติศาสตร์ของขนมชนิดนี้มีที่มายาวนานถึง 127 ปี พร้อมเรื่องเล่าที่น่าสนใจ
เมื่อย้อนกลับไป 2-3 เดือนก่อนในช่วงที่ทุกคน ‘กักตัว’ อยู่บ้านตามมาตรการรัฐเพื่อลดความเสี่ยงในการรับและแพร่เชื้อโรคระบาดโควิด-19 กิจกรรมยอดฮิตนอกจากการปลูกต้นไม้ หรือเข้าสมาคมหมอทอดไร้น้ำมันแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ การทำขนม "บราวนี่" (Brownie) ที่สาวๆ ฮิตกันมากในยุคโควิด การันตีด้วยยอดคำค้นหาใน Google ในช่วงสามเดือนที่ผ่านมา เพิ่มมากขึ้นถึง 150% และถือเป็นคำติด Trend ดาวรุ่งพุ่งแรงอยู่เสมอ
ด้วยวิธีการทำที่ง่ายดาย และใช้วัตถุดิบที่หาได้สะดวกสบายตามห้างสรรพสินค้า หลายคนจึงเข้าครัวลองหัดทำขนมชนิดนี้กันมากขึ้น นอกจากความอร่อยของ "บราวนี่" แล้ว ประวัติศาสตร์ของขนมชนิดนี้ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ชวนรู้จักที่มาของ "บราวนี่" พร้อมส่องประเภทและความแตกต่างของบราวนี่แต่ละชนิดว่าเป็นอย่างไร เอาไว้เป็นความรู้คู่ครัวขนมหวานของคุณก็คงจะดีไม่น้อยเลย
- ยุครุ่งเรืองของช็อกโกแลต ก่อกำเนิด ‘บราวนี่’
ขนมยอดฮิตของโลกอันดับหนึ่งตลอดกาลหนีไม่พ้น ช็อกโกแลต ที่แพร่หลายในประเทศสหรัฐอเมริกามาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 แต่ยังไม่ทันข้ามศตวรรษ ขนมบราวนี่ ก็ถือกำเนิดขึ้นแย่งความนิยมจากช็อกโกแลตไปแบบเนียนๆ
บราวนี่ถูกรู้จักครั้งแรกในปลายศตวรรษที่ 19 โดยเว็บไซต์ ushistoryscene.com อธิบายว่าการหลงใหลช็อกโกแลตของคนอเมริกันทำให้มีการทดลอง และผลิตขนมต่างๆ ที่ต่อยอดจากช็อกโกแลตขึ้นมามากมาย
โดยประวัติของ "บราวนี่" ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคือเรื่องเล่าของสตรีชั้นสูงที่ชื่อว่า เบอร์ธา พ็อตเตอร์ พาล์มเมอร์ (Mrs. Bertha Potter Palmer) ต้องการขนมขนาดเล็กเพื่อใส่ในกล่องอาหารกลางวัน จะได้สะดวกต่อการรับประทานแบบไม่เลอะมือ โดยเธอได้สั่งพ่อครัวของโรงแรม The Palmer House Hotel จัดทำขนมชนิดที่เธอต้องการขึ้น และผลลัพธ์ที่ได้คือขนมที่อยู่ตรงกลางระหว่าง เค้ก และ คุกกี้ จึงกลายมาเป็น "บราวนี่" ในที่สุด
ทั้งนี้ "บราวนี่" สูตรดั้งเดิมที่สุดคือ การโรยด้วยถั่ววอลนัทและเกล็ดน้ำตาลจากน้ำเชื่อมของแอพริคอต (ดั้งเดิมตามแบบฉบับโรงแรม The Palmer House Hotel)
นอกจากนี้ยังมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับ "บราวนี่" ในอีกหลากมุมและต่างที่มา เช่น พ่อครัวทำเค้กช็อกโกแลตแล้วใส่ส่วนผสมผิด ใส่แป้งน้อยเกินไป เมื่ออบออกมาจึงได้เนื้อเค้กช็อกโกแลตที่เหนียวข้น มีความหนึบหนับกว่าเค้กทั่วไป หรืออีกหนึ่งตำนานคือ แม่ครัว (เมืองบังกอ รัฐเมน) ที่มีชื่อว่า มิลเดร็ด บราวน์ ชรัมป์ (Mildred Brown Schrumpf) ซึ่งมีชื่อเล่นว่า บราวนี่ ได้ทำเค้กช็อกโกแลตและลืมใส่ส่วนประกอบสำคัญคือผงฟู ทำให้เค้กไม่ขึ้นฟู ด้วยความเสียดายจึงตัดเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมแล้วแจกจ่ายให้คนในครอบครัวรับประทาน
- ประเภทของบราวนี่
ในอดีตที่ผ่านมา "บราวนี่" ถูกสร้างสรรค์ออกมาหลายสูตรตามแต่ไอเดียของเหล่าพ่อครัวขนมหวาน ดังนั้นจึงมีรสชาติและเนื้เอสัมผัสที่แตกต่างกันออกไป แต่ในปัจจุบันเราสามารถแบ่งประเภท "บราวนี่" ออกมาได้ 3 ชนิดหลักๆ คือ
1. Fudgy Brownies เป็นบราวนี่ที่มีลักษณะเนื้อแน่น รสชาติเข้มข้น หน้ากรอบแต่ข้างในมีลักษณะเหนียวนุ่มชุ่มฉ่ำ
2. Chewy Brownies มีลักษณะเนื้อขนมที่อยู่ตรงกลางระหว่างเนื้อแบบเค้กกับเนื้อแบบฟัดจ์ คือมีส่วนของเนื้อเค้ก แต่เนื้อไม่เบามากจนเหมือนเค้ก และมีลักษณะชุ่มฉ่ำ เคี้ยวหนึบๆ แต่ไม่เหนียวข้นมากแบบฟัดจ์
3. Cakey Brownies เป็นบราวนี่หน้าตาเหมือนเค้กช็อกโกแลตทั่วไป มีลักษณะฟูนุ่ม เนื้อเบา แต่ก็ยังถือว่าเนื้อแน่นและเข้มข้นกว่าเค้กช็อกโกแลต
สำหรับส่วนผสมหลักๆ ที่ต้องมีในขนมบราวนี่ทุกประเภท ก็คือ เนย ช็อกโกแลต และแป้ง นอกจากนี้บราวนี่ยังสามารถใส่วัตถุดิบที่เราต้องการโดยไม่จำกัดสูตรตายตัวอีกด้วย
------------------------
อ้างอิง :
"อาหารหวาน" - Google News
July 27, 2020 at 10:38PM
https://ift.tt/3g5FlXf
ประวัติศาสตร์ 'บราวนี่' ขนมที่ไม่ได้มีดีแค่ช่วงกักตัว - กรุงเทพธุรกิจ
"อาหารหวาน" - Google News
https://ift.tt/36V3prP
No comments:
Post a Comment