รอยัล โอชา (Royal Osha) หวังยกระดับอาหารไทยให้ไปอีกขั้น ด้วยการนำเสนออาหารไทยในรูปแบบของไฟน์ ไดนิง (Fine Dining) โดยได้เชฟวิชิต มุกุระ เจ้าของมิชลิน 1 ดาว เข้ามารับหน้าที่เอ็กเซ็กคูทีฟเชฟ (Executive chef)
ศุภาพิชญ์ พิทยานุกุล เจ้าของร้านรอยัล โอชา กล่าวว่า จุดเริ่มต้นของร้านรอยัล โอชา เกิดขึ้นจากการได้รับประทานอาหารประเภทไฟน์ ไดนิง ในหลายประเทศ แต่เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่ไม่มีร้านอาหารไทยในสไตล์นี้ จึงเกิดความคิดที่อยากให้อาหารไทยได้กลายเป็นอาหารที่ทั่วโลกรู้จักมากขึ้น
“ร้านอาหารสไตล์ไฟน์ ไดนิง ของแต่ละประเทศทำให้เราได้สัมผัสวัฒนธรรมอาหารของชาตินั้นๆ ไปในตัว”
ศุภาพิชญ์ กล่าวต่อไปว่า หลังจากนั้นมีโอกาสได้พบกับเชฟวิชิต มุกุระ ที่มีแนวคิดอยากส่งผ่านวัฒนธรรมไทยผ่านรูปแบบของอาหาร และนำเสนออาหารไทยในรสชาติดั้งเดิม ทั้งรูป รส และกลิ่นของอาหาร จึงเกิดความร่วมมือกันจนเป็นร้านรอยัล โอชา ในที่สุด
“จุดมุ่งหมายสูงสุด คือ การทำให้ร้านรอยัล โอชา เป็นร้านอาหารร้านแรกที่ทุกคนเลือกมารับประทานในวันสำคัญกับคนสำคัญ และหากมีโอกาสก็จะตั้งใจเปิดร้านอาหารไทยสไตล์ไฟน์ ไดนิง ที่กรุงลอนดอน และมหานครนิวยอร์ก”
ทางด้านเกวลิน พิทยานุกุล เชฟผู้วิจัยและพัฒนาเมนู และเจ้าของร้านอาหารรอยัล โอชา เปิดเผยว่า วัตถุดิบของร้านรอยัล โอชา ค้นหามาจากทุกภาคของประเทศไทย และทั่วโลก เพื่อหาวัตถุดิบที่มีเอกลักษณ์และตรงกับฤดูกาล มาประกอบเป็นเมนูของร้าน
ขณะที่ วิชิต มุกุระ เอ็กเซ็กคูทีฟเชฟประจำร้านรอยัล โอชา ระบุว่า มีความฝันที่อยากให้อาหารไทยยังคงความเป็นไทย รสชาติเดิมไม่เปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นตะไคร้ น้ำตาล รวมถึงน้ำปลา สิ่งที่จะปรับมีแค่เฉพาะของหน้าตาอาหารเท่านั้น
เชฟวิชิต อธิบายต่อไปว่า มีความตั้งใจที่จะยกระดับอาหารไทยสู้กับอาหารทั่วโลก และมั่นใจว่า รอยัล โอชา จะเป็นหัวใจสำคัญในการร่วมกันพัฒนาอาหารไทยต่อไป
“อาหารที่เสิร์ฟในรอยัล โอชา เปรียบเสมือนการเดินทางที่ผ่านมาของผมตลอดชีวิตการทำงานร้านอาหาร โดยทุกจานจะมีที่มาที่ไปชัดเจน”
ในโอกาสนี้ เชฟเจ้าของมิชลิน 1 ดาว ถือโอกาสแนะนำ 4 เมนูเด็ดของร้านรอยัล โอชา ดังนี้
หอยเชลล์ทอดกับไข่ตุ๋นราดซอสน้ำจิ้มซีฟู้ด: เชฟเล่าว่า เมนูนี้เกิดขึ้นจากเมื่อครั้งที่ไปลอนดอน โดยจะได้หอยเชลล์ที่ดีที่สุดจากประเทศสกอตแลนด์ในทุกเช้าวันพุธ ซึ่งในวันนั้นจะเต็มไปด้วยแขกที่มาจองเพื่อรับประทานอาหารที่เป็นหอยเชลล์
ต้มโคล้งปลากรอบกับทูน่า: เมนูนี้เป็นเมนูของญี่ปุ่น เกิดจากการสังเกตว่าซุปของญี่ปุ่นมีความใสและหอม เมื่อกลับมาประเทศไทย ก็พัฒนาใหม่โดยชูเมนูต้มโคล้งเป็นแกนหลัก แล้วเสริมด้วยทูน่าส่วนที่เป็นอากามิ ตบท้ายด้วยไชเท้าของญี่ปุ่นมาตุ๋นให้อยู่ในซุปด้วย
ส่วนการรับประทานเมนูนี้ จะมีลูกเล่นนิดหน่อย โดยจะต้องชิมน้ำซุปก่อนสัก 2-3 คำ เพื่อรับรสชาติออริจินอล จากนั้นค่อยตักผงปลากรอบใส่ลงไปในซุป และบีบมะนาว จะทำให้ได้อีกรสชาติหนึ่งที่แตกต่าง
แกงกะหรี่ล็อบสเตอร์ทอดกับข้าวทอดแหนมเห็ด: เมนูนี้มาจากสวิตเซอร์แลนด์ โดยนำล็อบสเตอร์ลงไปต้ม ทานพร้อมกับเกี๊ยวห่อกุ้งสับและมันเทศ และตรงหัวกุ้งล็อบสเตอร์จะมีข้าวทอดกับแหนมเห็ด
ดอกจอกใบเตยกับหวานเย็นข้าวหมากกับสาเก และสังขยาน้ำตาลไหม้กับเครื่องเคียง: ขนมหวานแบบไทยๆ นำโดยข้าวหมากที่แปลงให้เป็นหวานเย็น เสิร์ฟกับข้าวกรอบ ข้าวตัง ข้าวหอมมะลิแดง และสังขยาน้ำตาลไหม้อบด้วยอุณหภูมิ 87 องศาเซลเซียส ปิดด้านบนด้วยแผ่นทองคำ
อ่านเพิ่มเติม...
"อาหารหวาน" - Google News
October 02, 2020 at 09:32AM
https://ift.tt/3jrLgre
เปิดตัว “Royal Osha” ร้านอาหารไทยในสไตล์ Fine Dining - ไทยรัฐ
"อาหารหวาน" - Google News
https://ift.tt/36V3prP
No comments:
Post a Comment